14 July 2011

ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท รัฐบาลต้องทำอย่างไร

แม้ยังไม่ได้ตั้งรัฐบาล แต่ขณะนี้นโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยก็ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์แล้วในแง่ความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เป็นนโยบายที่ถูกพูดถึงมากที่สุดนโยบายหนึ่ง โดยมีเสียงคัดค้านที่ดังที่สุดมาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า นโยบายนี้จะทำให้ธุรกิจจำนวนมากต้องปิดกิจการ

จริงอยู่นะครับว่า การขึ้นค่าแรงจะทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ มีต้นทุนสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้แรงงานจำนวนมาก หรือที่เรียกกันว่า labour intensive เช่น อุตสาหกรรมสื่งทอ อุตสาหกรรมที่มีภาพคุ้นตาของสาวโรงงานจำนวนมากนั่งเรียงรายทำงานขะมักเขม้นหน้าจักรเย็บผ้า โรงงานแบบนี้ส่วนใหญ่ผลิตสินค้าจำพวกเสื้อผ้าสำเร็จรูปต่างๆ โดยรับจ้างผลิตสินค้าแบรนด์เนมให้กับลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งต้องการแหล่งผลิตที่มีแรงงานราคาถูก สามารถผลิตสินค้าในราคาต้นทุนที่ต่ำได้ แล้วจึงส่งไปขายทำกำไรสูงๆ ในประเทศของตน ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมไทยเราเอาจุดขายของการมีแรงงานราคาถูกมาดึงดูดลูกค้าจากต่างประเทศ สิ่งที่เราได้ก็คือ ผลตอบแทนราคาถูกให้กับคนงานและเจ้าของกิจการ ซึ่งถ้าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่ที่ทั้งคนงานและเจ้าของกิจการจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าเดิม

ทำไมคนงานต้องจน เครียด กินเหล้า ก็เพราะเขารู้ว่าชีวิตไม่มีทางดีไปกว่านี้ แค่เพียงอยู่ได้ไปวันๆ ถ้าทำงานในกรุงเทพฯ ได้ค่าแรง 215 บาทต่อวัน เดือนนึงได้ 5,375 บาท รายจ่ายคิดแบบประหยัดมากๆ กินข้าวมื้อละ 25 บาท 3 มื้อ 75 บาท เดือนละ 2,250 บาท, ค่าที่พัก ค่าน้ำค่าไฟ 1,200 บาท, ค่าเดินทางวันละ 20 บาท เดือนละ 500 บาท, ค่าเสื้อผ้า รองเท้า 200 บาท, ค่าสบู่ แชมพู ยาสีฟัน ผงซักฟอก 200 บาท, ค่าโทรศัพท์ 120 บาท, ค่าประกันสังคม 269 บาท รวมเป็นเงิน 4,739 บาท

จากข้างต้น ค่าแรงลบรายจ่ายแล้ว คนงานจะเหลือเงินประมาณ 600 บาท เท่านั้น! นี่คิดแบบอยู่ตัวคนเดียวไม่มีลูกไม่มีครอบครัว ไม่มีค่าใช้จ่ายและภาระอื่นๆ นะครับ แรงงานไทยจึงหมดสิทธิ์ที่จะมีบ้านเป็นของตัวเอง จะมีครอบครัวก็ลำบาก ดูแลพ่อแม่ผู้แก่เฒ่าก็ไม่ไหว และแทบไม่มีเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินเลย แล้วแบบนี้คนไทยผู้ใช้แรงงานจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างไร แต่ถ้าเราเพิ่มค่าแรงเป็น 300 บาท ผู้ใช้แรงงานจะมีรายได้เดือนละ 7,500 บาท หักค่าใช้จ่ายแล้วจะเหลือเงินประมาณ 2,800 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถนำไปผ่อนบ้านเอื้ออาทร เลี้ยงดูพ่อแม่ สร้างครอบครัว เก็บเป็นทุนสำรองได้

การปรับค่าแรงขั้นต่ำต้องทำไปพร้อมกับการปรับตำแหน่งทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแรงงานราคาถูกอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นประเทศที่มีแรงงานคุณภาพและผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ โดยรัฐบาลต้องมียุทธศาสตร์ในการพัฒนาแรงงานไทยทั้งในด้านฝีมือแรงงาน ประสิทธิภาพในการทำงาน และการใช้ภาษาต่างประเทศเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนายจ้างไม่ว่าจะเป็นชาวต่างประเทศที่มาลงทุนในประเทศไทย หรือกิจการที่คนไทยเป็นเจ้าของ

สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐบาลต้องสื่อสารกับผู้ใช้แรงงานให้ตระหนักว่า ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่ได้มาฟรีๆ เมื่อได้ค่าแรงเพิ่มขึ้น งานที่ทำก็ต้องมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย เพราะถ้าผู้ใช้แรงงานไม่ร่วมมือกับรัฐบาลในการพัฒนางานของตนเอง สุดท้ายนายจ้างก็อาจปิดกิจการแล้วย้ายไปประกอบกิจการในประเทศอื่นได้

นอกจากนี้ รัฐบาลต้องมียุทธศาสตร์ส่งเสริมตราสินค้าประเทศไทยหรือ Made in Thailand ให้มีความหมายถึงการเป็นสินค้าคุณภาพที่มีราคาเหมาะสม รวมทั้งส่งเสริมการตลาดให้กับผู้ผลิตเพื่อส่งออก ให้สามารถขายสินค้าที่มีแบรนด์ของตัวเองได้ ไม่ใช่มุ่งแต่จะรับจ้างผลิตสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศเท่านั้น

No comments:

Post a Comment